การกดเลื่อนนาฬิกาปลุกเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพวัยรุ่นเลย เพราะร่างกายของเรามีนาฬิกาชีวิตที่ทำหน้าที่กำหนดเวลาหลับและเวลาตื่น แต่ความงัวเงีย ง่วงนอนทำให้เรากลับไปนอนต่อ แทนที่ร่างกายจะได้เริ่มทำงานตามปกติ การกลับไปนอนต่อทันทีจึงเหมือนการปิดเครื่องทั้งที่เครื่องพร้อมทำงานแล้ว ซึ่งมันแย่เทียบเท่ากับการอดนอน เพราะจะทำให้เราเสียสมาธิ หัวร้อนง่าย ไฮเปอร์ ไปจนถึงความจำสั้น ดังนั้นตั้งนาฬิกาปลุกแค่ครั้งเดียวก็พอ ปลุกปุ๊บให้ตื่นเลย ไม่ต้องตั้งซ้ำ ๆ เลื่อนไปเรื่อย ๆ
Tips: ตื่นให้เช้ากว่าเดิม
การตื่นเช้าขึ้นจะทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ลองตื่นให้เช้ากว่าเดิม 10-20 นาที เพราะการได้ใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบมากนักในตอนเช้าจะทำให้เรามีสมาธิไปทั้งวัน
อย่าเพิ่งเช็กข่าวสารใน facebook twitter หรือ ig โดยเฉพาะอย่าเพิ่งช้อปปิ้ง เพราะช่วงเวลาที่เราเพิ่งตื่นจะเป็นช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งที่สุด เฟรชที่สุด การที่เราเริ่มเช็กมือถือที่เต็มไปด้วยข่าวสารมากมายทั้งดีและไม่ดีตั้งแต่เช้า มันจะรบกวนสมองให้คิดไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญและไม่จำเป็น ทำให้สมองล้าตั้งแต่เช้าแทนที่จะได้ใช้ไปกับการเรียน แต่อาจจะตอบไลน์แฟนสุดที่รัก ตอบแชทเพื่อนที่ดองไว้ตั้งแต่เมื่อคืน หรือใครมีคนคุยก็ตอบแชทได้นะ
Tips: เปิดเพลงโปรดที่ชอบตอนตื่นนอน
แทนที่จะเปิดรับข่าวสารทันที แนะนำให้เลือกเปิดเพลงโปรดสักเพลงแทน แล้วไปแปรงฟัน อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย โดยมีเพลงโปรดเป็น soundtrack การทำแบบนี้ฮอร์โมนแห่งความสุขจะได้หลั่งออกมาทำให้อารมณ์ดีตั้งแต่เช้า พร้อมรับความรู้ที่โรงเรียน
ถ้าใครสามารถจัดการตัวเองให้ออกกำลังกายตอนเช้าได้จะดีมาก แต่หากใครทำไม่ได้เพราะต้องรีบไปโรงเรียน การทำสมาธิอย่างการกินข้าวเช้าด้วยการเคี้ยวช้า ๆ ดื่มน้ำสองแก้วให้ร่างกายที่ขาดน้ำมาตลอดทั้งคืนได้รีเฟรช และทำสมาธิด้วยการหายใจเข้าและออกลึก ๆ 3 ครั้ง ก็เป็นการทำสมาธิง่าย ๆ ที่จะทำให้เริ่มวันใหม่ได้อย่างสดใส
Tips: กินอาหารเช้า อย่าอด
ไอเดียอาหารเช้าอย่างง่ายแต่ได้ประโยชน์สำหรับวัยรุ่นควรจะประกอบด้วยแป้ง โปรตีน วิตามิน และแคลเซียม เช่น ขนมปังสองแผ่น ไข่ ผลไม้ และนม เพราะถ้าไม่มีอาหารเช้าเราก็จะไม่มีแรง ระบบเผาผลาญของเราจะทำงานได้ดีหรือไม่อยู่ที่เรากินอาหารเช้าหรือเปล่า ที่สำคัญอย่ากินขนมหวาน ๆ ตอนเช้าเพราะจะทำให้อ้วนง่ายและเป็นสิวง่ายด้วยนะ
Practice Gratitude คืออะไร ?
มันคือการที่เราฝึกคิดถึงสิ่งดี ๆ โดยที่มันอาจจะเกิดขึ้นหรือยังไม่เกิดขึ้นก็ได้ เช่น เรารู้สึกว่าวันนี้เราน่ารัก วันนี้อากาศดีจังเราชอบ ดีใจที่จะได้เจอเพื่อนที่โรงเรียนหลังปิดเทอมมานาน รู้สึกขอบคุณตัวเองที่วันนี้ตื่นเช้าได้ ฯลฯ โดยจะใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้นเอง แต่ผลของการคิดถึงสิ่งดี ๆ เป็นประจำทุกเช้าจะช่วยให้เราเป็นคนคิดบวก เพิ่มความภูมิใจในตัวเอง (Self-esteem) เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย (Immune system) และลดความคิดด้านลบที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคซึมเศร้า เพียงแต่เราต้องเริ่มฝึกคิดเท่านั้น
Tips: ถ้าไม่มีสิ่งดี ๆ ให้นึกถึงก็ไม่ต้องฝืน
เป็นธรรมดาที่เราจะลืมตาตื่นขึ้นมาก็เหนื่อย หมดแรง ไม่อยากคิดถึงอะไร แม้กระทั่งสิ่งดี ๆ ก็คิดไม่ออก เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฝืนธรรมชาติ แต่ให้ระบายมันออกมา ยอมรับความรู้สึกของตัวเองตามความเป็นจริง หากเครียดก็ให้บอกตัวเองว่าเครียด โกรธก็บอกว่าโกรธ แล้วเราจะได้สติ หาทางแก้ไขต่อไป
เขียนเป้าหมายหนึ่งอย่างที่เราอยากจะทำให้สำเร็จในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า เป็นเป้าหมายง่าย ๆ หมู ๆ ไม่ซับซ้อน เช่น กินก๋วยเตี๋ยวร้านป้า จะไม่ไปโรงเรียนสาย พาแมวไปเดินเล่น ตั้งใจเรียนในวิชาที่ไม่ชอบ ไม่หลับในห้อง คุยให้น้อยลง พูดคำหยาบน้อยลง ฯลฯ เพราะเมื่อเราทำสำเร็จ เราจะรู้สึกว่าเราควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ เพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเองจากชัยชนะเล็ก ๆ ที่เราทำสำเร็จทุกวัน ไม่เพียงแต่จะทำให้มีไฟในการใช้ชีวิตตั้งแต่เช้าแล้ว ยังช่วยให้รู้สึกว่าเราใช้วันนั้นอย่างคุ้มค่า ไม่ไร้เป้าหมายอย่างที่เคย
Tips: โพสต์เป้าหมายในที่ที่มีคนเห็น
มีวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราทำเป้าหมายให้สำเร็จคือการโพสต์มันลงในโซเชียลทั้งในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือไอจีสตอรี่ เพื่อแชร์สิ่งที่อยากจะทำประจำวัน เพราะเราจะได้รับพลังจากเพื่อน ๆ มากดดันให้เราทำให้สำเร็จ